ไฮไลท์บอล นิวคาสเซิ่ล 2 – 0 อาร์เซนอล สาริกาดับฝันปืนใหญ่คาราบาวคัพ

ไฮไลท์บอล นิวคาสเซิ่ล 2 - 0 อาร์เซนอล

พรีวิวหลังแข่ง ไฮไลท์บอล นิวคาสเซิ่ล 2 – 0 อาร์เซนอล เรียกได้ว่าเป็นแมตช์ชี้ชะตาในศึก คาราบาว คัพ รอบรองชนะเลิศ ที่แฟนบอล “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล และ “สาลิกาดง” นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ต่างรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ เพราะนี่คือโค้งสุดท้ายก่อนเข้าสู่รอบชิงฯ ใครชนะก็มีลุ้นถ้วยใบนี้เต็มตัว โดยก่อนเกมเลกสองจะเริ่ม นิวคาสเซิล ตุนสกอร์ไว้ 2-0 จากการบุกไปสอยอาร์เซนอลถึงถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดียม จนทำให้แฟน “เดอะ กันเนอร์ส” ต้องลุ้นหนักเป็นสองเท่าในการบุกมาล้างตาถึงเซนต์ เจมส์ พาร์ค

แต่ทันทีที่เสียงนกหวีดดังขึ้น “สาลิกาดง” กลับคึกคักประดุจอาหารเสริมสูตรพิเศษ เดินหน้าบุกกดดัน “ปืนใหญ่” อย่างไม่เกรงกลัว ทิ้งคำถามไว้ว่า “ปืน” ที่เคยยิงได้คมกริบในพรีเมียร์ลีก จะกลับมาลั่นไกได้หรือไม่ ทว่าเมื่อครบ 90 นาทีเต็ม กลายเป็นว่านัดนี้ ปืนฝืดไปซะอย่างนั้น โดนเจ้าถิ่นตอกฝาโลงอีก 2 ลูก จบสกอร์รวม 4-0 ชนิดที่แฟนบอลปืนใหญ่ต้องกุมขมับ ส่วนบรรดาแฟนสาลิกาดงออกอาการดี๊ด๊า ชนะเบิ้ลสองนัดทะลุเข้าไปลุ้นถ้วยคาราบาว คัพ สมใจ งานนี้บอกได้คำเดียวว่า “นัดชี้ชะตา” ของแท้ เพราะหลังจบเกม ใครจะอยู่ ใครจะไป ก็รู้กันอย่างชัดเจน

รายละเอียดเกี่ยวกับ 11 ผู้เล่นตัวจริง นิวคาสเซิ่ล VS อาร์เซนอล คาราบาวคัพ

นิวคาสเซิ่ล VS อาร์เซนอล

อาร์เซนอล

  1. ดาบิด รายา (GK) ผู้รักษาประตูมือใหม่ในสีเสื้ออาร์เซนอล ที่แฟนๆ หวังให้เหนียวหนึบเหมือนกาวตราช้าง
  2. เยอร์เรียน ทิมเบอร์ ฟูลแบ็กสายสปีด เร็วจัดจ้านราวกับซิ่งมอเตอร์ไซค์ทางตรง
  3. วิลเลียม ซาลิบา หัวใจในแนวรับที่ต้องคอยบัญชากองหลังให้รัดกุมยิ่งกว่าใช้ล็อก 7 ชั้น
  4. กาเบรียล มาร์กัลเญส อีกหนึ่งตัวแกร่งชาวบราซิล ประกบใครทีมีหนาว
  5. ไมล์ส ลูอิส-สเคลลี ดาวรุ่งอนาคตไกล ที่ได้รับโอกาสพิสูจน์ฝีเท้าบนเวทีใหญ่
  6. โธมัส ปาร์เตย์ ห้องเครื่องสายแข็ง หวังให้ช่วยคุมจังหวะกลางสนาม
  7. ดีแคลน ไรซ์ ตัวตัดเกมและตัวคุมแดนกลางราคามหาศาล ที่ต้องโชว์ฟอร์มให้คุ้มค่าตัว
  8. มาร์ติน โอเดการ์ด จอมทัพหมายเลข 8 ผู้เป็นมันสมองในเกมรุกของทีม
  9. เลอันโดร ทรอสซาร์ กองหน้าจอมเทคนิค ขยันปั้นโอกาสให้ทีม
  10. ไค ฮาเวิร์ตซ์ แข้งเยอรมันเจ้าของสัมผัสบอลนุ่มนวล เหลือแค่จูนความมั่นใจให้เฉียบอีกนิด
  11. กาเบรียล มาร์ติเนลลี ปีกรุกเต็มสปีด ใครตามไม่ทันมีสิทธิ์หัวหมุน

นิวคาสเซิล

  1. มาร์ติน ดูบราฟกา (GK) จอมหนึบชาวสโลวัก ผู้ทำให้แฟนบอลอุ่นใจทุกครั้งที่บอลลอยมา
  2. คีแรน ทริปเปียร์ แบ็กขวาหัวใจสู้ฟรีคิกหวังผล ลูกตั้งเตะอยู่ในมือ (หรือเท้า) เขา
  3. สเวน บอตมัน กำแพงดัตช์ฟอร์มเดือด ผู้ขยันเคลียร์บอลจนกองหน้าคู่แข่งนัดกันปวดใจ
  4. ฟาเบียน แชร์ ปราการหลังสายแข็ง ชนได้หมดไม่ว่าหนักเบา
  5. ซานโดร โตนาลี มิดฟิลด์จอมทัพอิตาเลียน ไอดีลุคสุดเท่ แถมมีเท้าหนักเป็นอาวุธ
  6. แอนโธนี กอร์ดอน ตัวจี๊ดริมเส้น ที่พร้อมเลื้อยแหลกแหวกกระจายเหมือนงูอนาคอนด้า
  7. ลูอิส ฮอลล์ อีกหนึ่งดาวรุ่งวัยทีนที่สาลิกาดงหมายมั่นปั้นมือ ปล่อยของเต็มที่
  8. จาค็อบ เมอร์ฟีย์ ปีกตัวเร่งเครื่อง ติดเทอร์โบหัวฉีด บุกเพลินยันนาทีสุดท้าย
  9. แดน เบิร์น แข้งสารพัดประโยชน์ ตัวโย่งสะใจ แถมไม่เคยหมดแรงง่ายๆ
  10. บรูโน กิมาไรส์ ห้องเครื่องแซมบ้า ผู้ที่พร้อมเติมรุกและไล่บี้แดนกลางได้ไม่ยั้ง
  11. อเล็กซานเดอร์ อิซัค ศูนย์หน้าสวีดิชเจ้าของสปีดและเซนส์การยิงเฉียบขาด

ไฮไลท์ผลบอล นิวคาสเซิล 2 – 0 อาร์เซนอล ช็อคเด็ดป้อมปืนแตกยับ

เปิดฉากมาแค่ 4 นาทีแรก แฟนบอล “สาลิกาดง” เซนต์ เจมส์ พาร์ค ได้เฮแต่ต้องกลืนความดีใจกลับลงคอ เมื่อ อเล็กซานเดอร์ อิซัค หลุดไปยิงเข้าตาข่ายอย่างสวยงาม ทว่าวีเออาร์ (VAR) ฟ้องว่าล้ำหน้าก่อน ส่งผลให้สกอร์ยังคงอยู่ที่ 0-0 ชนิดที่แฟนเจ้าถิ่นหงุดหงิดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีใครท้อ เพราะรู้ว่า “เดี๋ยวมันต้องมีอีก!”

และก็มาอีกจริงๆ ในนาที 20 เมื่อ อิซัค คนเดิม โชว์สเต็ปการลากบอลเข้ากรอบเขตโทษ ก่อนซัดชนเสาแบบจังกึ้ง! บอลกระดอนออกมาเข้าเท้า จาค็อบ เมอร์ฟีย์ ชนิดที่เรียกว่า “ลูกเตะรีบาวด์ของแท้” ส่งเมอร์ฟีย์ตะบันไม่ยั้งเสียบตาข่าย ชนิดที่ ดาบิด รายา หมดสิทธิ์เซฟ สกอร์ 1-0 กู่ก้องกังวานไปทั่วอัฒจันทร์เซนต์ เจมส์ พาร์ค

หลังเสียประตู “ปืนใหญ่” ก็พยายามยิงสวนกลับอย่างต่อเนื่อง เลอันโดร ทรอสซาร์ กับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี ต่างคนต่างเปลี่ยนโหมดเป็น “วิ่งสู้ฟัด” วนเวียนกดดันแนวรับนิวคาสเซิล แต่ “สาลิกาดง” ตั้งรับเหนียวแน่นยิ่งกว่าติดหนึบกาวตราช้าง ทำให้อาร์เซนอลเจาะไม่เข้า จบครึ่งแรกด้วยสกอร์นำของเจ้าบ้าน 1-0

นิวคาสเซิล 2 – 0 อาร์เซนอล

กลับมาในครึ่งหลัง โอกาสทองของเจ้าบ้านก็มาถึง แอนโธนี กอร์ดอน รับบอลจาก ซานโดร โตนาลี ด้วยการวางทะลุช่องขั้นเทพ ก่อนกอร์ดอนโชว์ทักษะตัดเข้าเขตโทษ ฝ่ากองหลังปืนใหญ่แล้วซัดเต็มข้อแบบไม่เกรงใจใคร บอลพุ่งเสียบเสาอย่างเฉียบขาดส่ง นิวคาสเซิล ขยับหนี 2-0 ทำให้เสียงเชียร์ในสนามแทบระเบิด ส่วนอาร์เซนอลกดดันหนักขึ้นทันที

เวลาที่เหลือ อาร์เซนอล พยายามทุกหนทาง ไล่ตั้งแต่ส่งตัวสำรองลงมาหวังพลิกเกม แต่ก็ดูเหมือนลูกทีมของ เอ็ดดี ฮาว จะอ่านการเล่นของ “ปืนใหญ่” ได้หมดเปลือก เกมรับยังคงสุดเฉียบ ขณะที่ มาร์ติน ดูบราฟกา ก็คอยเซฟจังหวะอันตรายได้อย่างยอดเยี่ยม จนกระทั่งผู้ตัดสินเป่านกหวีดหมดเวลา สกอร์คงที่ 2-0 รวมสองนัด 4-0 “สาลิกาดง” ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ คาราบาว คัพ ได้แบบไม่ต้องลุ้นยาว ส่วน “ปืนใหญ่” คงต้องพับโปรเจกต์ถ้วยใบนี้ไว้เท่านี้ ดูไฮไลท์ฟุตบอลเมื่อคืน คลิกเลย

บทวิเคราะห์ ทำไม “สาลิกาดง” ถึงบุกจิกปืนใหญ่ได้อยู่หมัด?

แม้ชื่อชั้นและประวัติศาสตร์ของ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล จะไม่เป็นรองใคร แต่เกมนี้กลับถูก “สาลิกาดง” นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เจาะไม่เลี้ยง ชนะสองนัดรวดแบบคลีนชีต ซึ่งมองลึกไปที่แท็กติกของกุนซือ เอ็ดดี ฮาว จะเห็นว่า เขาใช้ระบบที่ผสมผสานระหว่างบอลไดเรกต์และการครอบครองบอลที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการโจมตีเร็ว (Counter Attack) ที่ใช้ความแข็งแรงและความเร็วของแนวรุกอย่าง อเล็กซานเดอร์ อิซัค, แอนโธนี กอร์ดอน หรือ จาค็อบ เมอร์ฟีย์ ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลังและความคล่องตัว

นอกจากนี้ แกนกลางอย่าง บรูโน กิมาไรส์ และ ซานโดร โตนาลี ยังคุมจังหวะได้อย่างอยู่หมัด ช่วยตัดบอลและสวนกลับได้ทุกวินาที การเคลื่อนที่แบบมีระเบียบ (Compact) ของนิวคาสเซิลยังทำให้อาร์เซนอลไม่สามารถสร้างพื้นที่เล่นได้สะดวกเหมือนเคย ส่วนแผงหลังที่นำโดย คีแรน ทริปเปียร์, สเวน บอตมัน และ ฟาเบียน แชร์ ก็เล่นได้แน่นอนเหมือนตั้งโปรแกรมมาอย่างดี เมื่อลงตัวในทุกส่วนแบบนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ “สาลิกาดง” จะทะยานเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้อย่างสมภาคภูมิ พร้อมตอกย้ำว่า พวกเขาไม่ใช่ทีมเล็กๆ ที่ใครก็มาเจาะทำลายง่ายๆ อีกต่อไป

บทสรุป นิวคาสเซิลก้าวสู่รอบชิง อาร์เซนอลต้องมูฟออน

เมื่อเสียงนกหวีดสุดท้ายดังขึ้นบนสนามเซนต์ เจมส์ พาร์ค เป็นฝ่าย “สาลิกาดง” นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ที่ผงาดเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ คาราบาว คัพ ด้วยผลงานสุดเนียนตาทั้งเกมรับและเกมรุก ชนิดที่เรียกว่า “ยิงคู่แข่งไม่ต้องสืบ” โดยการคว้าชัยเหนืออาร์เซนอลถึงสองนัด สกอร์รวม 4-0 ทำให้แฟนบอลเจ้าบ้านอิ่มเอมใจกันถ้วนหน้า ซึ่งนี่อาจเป็นสัญญาณชัดเจนว่า นิวคาสเซิล ไม่ได้มาเล่นๆ ในเวทีฟุตบอลอังกฤษอีกต่อไป พวกเขายกระดับกลายเป็นทีมที่พร้อมต่อกรกับทุกยักษ์ใหญ่ได้อย่างสูสี

ด้าน “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล แม้จะแบกความหวังจากแฟนบอลมาเต็มกระเป๋า แต่สุดท้ายก็ต้องผิดหวังไปตามระเบียบ ต้องยอมรับว่าต่อให้เป็นทีมใหญ่แค่ไหน หากไม่คมและไม่มั่นคงพอในวันแข่งขัน ก็มีสิทธิ์พลาดเป้าได้ทุกเมื่อ สิ่งสำคัญคือการนำข้อบกพร่องครั้งนี้มาปรับปรุง โดยเฉพาะในเกมรับที่ต้องสวิตช์โหมดให้เหนียวกว่านี้ และเกมรุกที่ต้องห้ามฝืดในนัดชี้ชะตา แต่ทว่าความผิดหวังไม่ควรหยุดพวกเขาไว้ เพียงแต่เปลี่ยนมันให้เป็นพลังผลักดันในเส้นทางอื่นๆ ที่ยังรออยู่ สุดท้ายแล้วฟุตบอลก็เป็นเช่นนี้ มีแพ้ มีชนะ และหลังจากนี้เราคงต้องจับตาดูว่า อาร์เซนอลจะงัดฟอร์มเก่งกลับมาให้แฟนๆ ได้เฮหรือไม่ และนิวคาสเซิลจะสานต่อโมเมนตัมสุดยอดเพื่อชูถ้วยใบนี้ได้หรือเปล่า

ติดตามบทความที่น่าสนใจ